วิธีการจัดการกับหนี้สินและแผนปฏิบัติการลดหนี้

จัดการหนี้สินอย่างมีแบบแผน ลดหนี้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

จัดการหนี้สินอย่างมีแบบแผน ลดหนี้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพและได้ผลจริง เรื่องที่คนมีหนี้ทุกคนควรทำความเข้าใจ และนำมาปรับใช้กับตนเองในการใช้หนี้

6 วิธีการจัดการหนี้สิน

การมีหนี้สินไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร ทุกคนสามารถมีได้ แต่เมื่อมีหนี้แล้วก็ต้องชำระหนี้เหล่านั้นให้ตรงเวลา และครบตามกำหนด แล้วทีนี้เราจะจัดการหนี้สินของเราอย่างไรดีล่ะ ท่านที่ยังไม่มีทางออก สามารถดูขั้นตอนต่อไปนี้แล้วเอาไปปรับใช้ได้เลย

1. การรวบรวมข้อมูลทางการเงินทั้งหมด

เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด ก็คือการรู้ข้อมูลทางการเงินของตัวเราเอง ว่ามีเหลืออยู่เท่าไหร่ เพื่อจะได้มองเห็นภาพรวมทั้งหมดของสถานะการเงินของตนเองว่าตอนนี้กำลังประสบปัญหาอะไรอยู่บ้าง และจะจัดการอย่างไร เช่น

  • ตอนนี้เรามีเงินทั้งหมดเท่าไหร่?
  • ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปกี่บาท? ซื้ออะไร? ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง?
  • ตอนนี้มีหนี้สินอยู่เท่าไหร่? กับเจ้าหนี้คนใดบ้าง?
  • จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้าง?
  • จะวางแผนการชำระหนี้อย่างไร?
  • จะออมเงินเดือนละกี่บาท?

1.1) แล้วต้องมีรายการอะไรบ้างถึงจะทำให้ภาพรวมทางการเงินของเราสมบูรณ์?

ถ้าหากต้องการให้ภาพรวมทางการเงินของเรามีความสมบูรณ์มากที่สุด จะต้องมีเอกสารสำดังต่อไปนี้ เช่น

  • สลิปเงินเดือนหรือรายละเอียดการชำระเงิน
  • บิลค่าใช้จ่ายประจำ (ค่าไฟ, ค่าแก๊ส, ค่าโทรศัพท์, ค่าอินเตอร์เน็ต, ค่าส่วนกลาง, ค่าถังขยะ)
  • ใบแจ้งยอดธนาคาร
  • ใบเสร็จรับเงินสำหรับการซื้อของรายสัปดาห์
  • รายละเอียดการชำระจำนอง หรือค่าเช่าอาคารที่อยู่อาศัย
  • จดหมาย,อีเมลหรือเอกสารทางศาลใดๆ ที่คุณได้รับจากบุคคลที่คุณเป็นหนี้เงินอยู่

และการจัดการตัวเลขทางการเงนของเรา ไม่จำเป็นต้องเป๊ะๆ ก็ได้ แต่ให้สมจริงมากที่สุดและสามารถเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้

1.2) 5 ขั้นตอนการสร้างภาพรวมทางการเงินให้สมบูรณ์

เพื่อให้เรามองเห็นภาพรวมทางการเงินชัดที่สุด สามารถทำตามได้ด้วย 5 ขั้นตอนดังนี้

1.2.1) ระบุรายได้ที่เข้ามาทั้งหมด

คือการแสดงรายได้ทั้งหมดที่มีในครัวเรือน รวมถึงรายได้ประจำและรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น

  • ใบแจ้งยอดธนาคาร
  • สลิปเงินเดือน

สำหรับท่านมีรายได้ของคุณไม่แน่นอน ก็สามารถใช้ตัวเลขประมาณก็ได้ หรือให้บันทึกทุกครั้งที่มีเงินเข้ามา เช่น

  • สัปดาห์ที่ 1 ได้รับเงิน 2,000 บาท
  • สัปดาห์ที่ 2 ได้รับเงิน 2,500 บาท
  • สัปดาห์ที่ 3 ได้รับเงิน 3,500 บาท
  • สัปดาห์ที่ 4 ได้รับเงิน 3,000 บาท
    • รวม 11,000 บาท
1.2.2) ระบุค่าใช้จ่ายทั้งหมด
  • ให้บันทึกทั้งค่าใช้จ่ายที่จ่ายเป็นประจำ และค่าใช้จ่ายที่ไม่ประจำ
  • การบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถ้าจะให้สมบูรณ์ที่สุด ควรมีใบเสร็จทุกครั้ง เพื่อนำมาเป็นหลักฐาน
  • ต้องบันทึกทั้งค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ อย่างครบถ้วน
  • สามารถบันทึกลงกระดาษก็ได้ ในสเปรดชีตก็ได้ หรือในแอปพลิเคชั่นก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท่าน
  • เพื่อป้องกันการลืม ให้บันทึกทุกครั้งหลังจากที่ทำธุรกรรมใดๆ เรียบร้อย แล้วบันทึกทันที จะช่วยให้ไม่ลืม และได้ตัวเลขที่ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
1.2.3) จดรายการบิลและหนี้ที่มีทั้งหมด

ขั้นตอนนี้จะทำให้รู้ว่าขณะนี้เรามีหนี้สินทั้งหมดเท่าไหร่ที่ยังติดหนี้อยู่ โดยการจัดทำรายการบิลที่ค้างชำระทั้งหมด (ค้างชำระ) และหนี้สิน (ซึ่งรวมถึงเงินกู้ที่ค้างชำระ) เช่น

  • ค่าเช่าที่ค้างชำระ
  • ค่าสาธารณูปโภคที่ยังไม่ได้ชำระ(แก๊ส, ไฟฟ้า, โทรศัพท์, อินเตอร์เน็ต)
  • สินเชื่อสหกรณ์เครดิตที่ทันสมัย
  • เงินกู้จากครอบครัวหรือเพื่อน
  • ใบอนุญาตโทรทัศน์ไม่ชำระหรือค่าปรับ
  • ค่าปรับศาลที่ยังไม่ได้ชำระ
  • เงินสวัสดิการสังคมส่วนเกิน
  • ภาษีที่ยังไม่ได้ชำระ เช่น ภาษีเงินได้ หรือ ภาษีทรัพย์สินท้องถิ่น
  • หนี้บัตรเครดิต
  • สินเชื่อธนาคาร
  • สินเชื่อเงินกู้
  • สินเชื่อสหกรณ์เครดิต
  • สินเชื่อรถยนต์
1.2.4) บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้แต่ละรายการ
  • วิธีนี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นหนี้อยู่จำนวนเท่าไหร่กับเจ้าหนี้แต่ละราย มีหนี้ที่ต้องชำระเงินรายเดือน หนี้ที่ต้องชำระเงินทั้งหมด และยอดหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่
  • การรู้รายละเอียดของหนี้อย่างครบถ้วน จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าหนี้ใดที่ต้องจัดลำดับความสำคัญก่อนโดยพิจารณาจากขั้นตอนการเรียกเก็บเงินหนี้ของเจ้าหนี้และอำนาจของเจ้าหนี้แต่ละราย
1.2.5) ระบุทรัพย์สินอยู่ทั้งหมด
  • เป็นการระบุทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ทั้งหมดและประเมินมูลค่าของทรัพย์สินเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้รู้ว่าคุณสามารถขายหรือใช้ทรัพย์สินใด ๆ เพื่อช่วยชำระหนี้ได้บ้าง
  • สินทรัพย์ หมายถึง สิ่งต่างๆ เช่น รถยนต์ ทรัพย์สิน หุ้น เงินออม ที่ดิน บ้าน และอาคารห้องพัก

2.จัดลำดับความสำคัญของหนี้ทั้งหมด

  • หนี้ที่สำคัญที่สุดเรียกว่า “หนี้ที่มีลำดับความสำคัญ” และอาจไม่ใช่หนี้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเสมอไปก็ได้
  • หนี้ที่มีลำดับความสำคัญคือหนี้ที่อาจถูกดำเนินการร้ายแรงต่อคุณได้หากคุณไม่ชำระหนี้
  • ตัวอย่างเช่น คุณอาจสูญเสียบ้าน ถูกตัดการเชื่อมต่อจากบริการใดๆ หรืออาจถึงขั้นติดคุกได้

2.1) หนี้ที่มีลำดับความสำคัญ เช่น

  • การผ่อนชำระเงินกู้จำนอง
  • สินเชื่อที่มีหลักประกัน
  • เช่า
  • ราคา
  • ใบแจ้งค่าสาธารณูปโภค
  • ภาษี
  • ค่าปรับศาล
  • คุณต้องจัดการเรื่องการชำระหนี้ที่มีลำดับความสำคัญก่อนก่อน

2.2) หนี้ที่ไม่สำคัญ เช่น

  • การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรร้านค้า
  • สินเชื่อธนาคาร
  • การเบิกเงินเกินบัญชี
  • การชำระคืนรายการสินค้า
  • เงินที่คุณยืมมาจากครอบครัวหรือเพื่อน

สำหรับหนี้ที่ไม่มีความสำคัญ เราสามารถปล่อยผ่านไปก่อนได้ หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ยังไม่จำเป็นต้องรีบชำระ

3. ตัดสินใจว่าจะชำระหนี้ใดก่อน

  • เป็นการตัดสินใจว่าจะจัดการชำระหนี้ใดก่อนและหลัง โดยให้ดูจากการจัดอันดับความสำคัญของหนี้ที่เราได้จัดเอาไว้แล้วนั่นเอง
  • หนี้บางประเภทอาจมีราคาแพงกว่าประเภทอื่น ดังนั้นควรเลือกหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน และหนี้ประเภทนี้มักทำให้คุณต้องเสียเงินมากที่สุด
  • บัตรเครดิตมักเป็นสาเหตุหลัก เพราะฉะนั้นควรรชำระหนี้ประเภทนี้ให้หมดก่อนจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ในระยะยาวได้

4. จ่ายเท่าที่เราสามารถจ่ายได้

  • ควรชำระหนี้ทุกเดือนอย่างครบถ้วนตามจำนวนขั้นต่ำ หรืออาจจะมากก็ได้หากมีเงินมากพอ
  • ควรชำระเงินให้ถึงยอดชำระขั้นต่ำ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น
  • การชำระเงินให้มากกว่ายอดเงินขั้นต่ำ จะทำให้หนี้หมดเร็วขึ้น ทำให้คุณเป็นอิสระได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเยอะเสมอไป เพราะอาจไปกระทบกับค่าใช้จ่ายส่วนอื่นได้

5. ควบคุมการใช้จ่ายทุกครั้ง

  • ให้จัดสรรเงินจำนวนหนึ่งที่เอาไว้ใช้จ่ายได้อย่างอิสระในแต่ละเดือนกับสินค้าหรือของใช้ต่างๆ เป็นเงินสำหรับใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือตามใจตัวเองโดยเฉพาะ
  • การสร้างงบประมาณเล็กๆ สักก้อนหนึ่ง ที่เอาไว้สำหรับการใช้จ่ายตามใจตัวเองในงบประมาณที่กำหนดนี้ จะช่วยให้คุณใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ได้ เนื่องจากมีงบจำนวนจำกัดสำหรับใช้จ่าย
  • อย่าลืมทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เราใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และวางแผนการเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเหล่านี้
  • ตัวอย่างเช่น จัดสรรเงินจำนวนจำกัดไว้สำหรับไปซื้อของเข้าบ้าน และจัดทำรายการ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ไปเดินดูของตามร้านต่างๆ และสุดท้ายอาจซื้อของบางอย่างที่ทำให้เกินงบประมาณที่ตั้งเอาไว้

6. พิจารณาการรวมหนี้

  • การรวมหนี้ หมายถึง การกู้เงินใหม่เพื่อชำระหนี้เล็กๆ หลายรายการ
  • หนี้หลายรายการรวมกันเป็นหนี้ก้อนเดียวที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งมักจะมีเงื่อนไขการชำระคืนที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหรือค่าผ่อนชำระรายเดือนที่ต่ำกว่า หรือทั้งสองอย่าง
  • การชำระหนี้ค้างชำระทั้งหมดของคุณด้วยเงินก้อนเดียวจำนวนมากเป็นวิธีง่ายๆ ในการชำระเงินให้เจ้าหนี้ทั้งหมดของคุณ แทนที่จะไล่ชำระทีละราย
  • การรวมหนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่เป็นหนี้มากเกินไป วิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งหากคุณมีหนี้ที่ต้องชำระหลายงวดหรือจำนวนมาก

แนะนำแผนการในการลดหนี้

เมื่อเรายังมีหนี้สินอยู่เยอะ และค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมก็คือการหาวิธีลดหนี้ให้ได้ มีวิธีการใดบ้างที่สามารถใช้ได้จริง ได้แก่

1. ลดการใช้จ่าย

  • เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างแรกที่ต้องทำ ซึ่งสามารถทำได้โดยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต่างๆ ออกไป โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย
  • วิธีการดูว่าเราจะประหยัดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้าง ก็สามารถดูได้จากรายการจ่ายในแต่ละเดือนของเรา ว่าหมดไปกับอะไรมากที่สุด แล้วก็หาวิธีการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องนั้นไป
  • นอกจากนี้การลดค่าใช้จ่าย จะทำให้คุณมีเงินออมเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อเอาไว้ใช้กับเรื่องสำคัญหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน

2.หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่

  • เพราะการชำระหนี้ที่มีอยู่ให้หมดก็เป็นเรื่องยากแล้ว หากคุณยังคงก่อหนี้เพิ่มทุกเดือนก็ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้หนักมากขึ้นไปอีก
  • ทางที่ดีควรจะเก็บบัตรเครดิตไว้สักพัก หรือใช้บัตรเครดิตเฉพาะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ และเราสามารถชำระได้เต็มจำนวนเทนั้น

3. เพิ่มการชำระเงินรายเดือนให้มากขึ้น

  • การชำระเงินขั้นต่ำที่คุณมีในแต่ละเดือนเป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยปกป้องคะแนนเครดิต ของคุณ
  • อย่างไรก็ตาม จะดีกว่าหากคุณสามารถชำระเงินได้มากกว่าเงินขั้นต่ำ เพราะเมื่อเราสามารถชำระเงินมากกว่าขั้นต่ำได้ คุณก็จะใช้เวลาชำระหนี้น้อยลง
  • บางทีอาจจะลองพิจารณาตั้งค่าการชำระเงินอัตโนมัติตามเวลาที่เงินเดือนของคุณมาถึงก็ได้ เพื่อป้องกันการลืมและเพื่อไม่ให้เราเผลอไปใช้เงินในส่วนนี้

4. ชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน

  • หากต้องการทราบว่าหนี้ใดทำให้คุณต้องจ่ายมากที่สุด ให้ดูจากอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระ ไม่ใช่ดูจากจำนวนเงินที่เป็นหนี้อยู่
  • สำหรับคนส่วนใหญ่ การชำระหนี้บัตรเครดิตเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากเราสามารถชำระหนี้บัตรเครดิตให้หมด ยอดเงินคงเหลือจะค่อยๆ ลดลง และดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนก็จะลดลงเช่นกัน

5. ชำระยอดคงเหลือขั้นต่ำสุดก่อน

  • วิธีนี้เราจะเน้นไปที่หนี้ที่เล็กที่สุดก่อน เมื่อเราสามารถชำระหนี้ก้อนใดก้อนหนึ่งให้หมดได้ จะช่วยให้มีกำลังใจมากขึ้น เพราะเราทำสำเร็จไปหนึ่งอย่าง
  • การเลือกชำระหนี้ที่มียอดต่ำสุดก่อน เป็นเรื่องที่ดี แล้วค่อยไปชะระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงต่อก็ได้ แต่ต้องพิจารณาก่อนว่าจะทำให้มีดอกเบี้ยของหนี้ตัวอื่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง
  • หากไม่มีผลกระทบอะไรตามมา แนะนำว่าควรเลือกชำระหนี้ที่มียอดคงเหลือต่ำสุดก่อนเป็นอันดับแรก

สรุป

การชำระหนี้เป็นสิ่งที่หลายคนรู้จักอยู่และทำเป็นอยู่แล้ว แต่เราจะมีแผนการจัดการอย่างไร อันนี้สำคัญมากกว่า ถ้าท่านใดที่ยังมองไม่เห็นภาพว่าจะจัดการกับหนี้สินที่มีอยู่อย่างไร สามารถเอาขั้นตอนที่เราได้แนะนำไปข้างต้นไปปฏิบัติได้ นอกจากจะทำให้ชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยให้ทุกคนมีหนี้สินลดลงอีกด้วย

เมื่อมีแผนการชำระหนี้ที่ดีและใช้ได้จริง ก็จะทำให้เรามีอิสรภาพได้เร็วขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รวยล้นฟ้า แต่ถ้าอยู่ด้วยการที่ไม่มีหนี้ ยังไงก็มีความสุขมากกว่าคนที่รวย แต่มีหนี้สินท่วมตัวจนหมุนเงินไม่ทัน ฉะนั้นเราควรเริ่มต้นวางแผนการชำระหนี้ตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีที่สุด

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *